แผลเป็นธรรมดา หากไม่มีความจำเป็นเรื่องความสวยงามอาจรอดูประมาณ 1 ปี จะหายเองได้ หากต้องการให้แผลหายเร็ว เพราะมีอาการเจ็บคันหรือไม่อยากให้มีแผลเป็น มีวิธีดังนี้
1. 1 ใช้แผ่นซิลิโคนวางบนแผล โดยเปลี่ยนแผ่นซิลิโคนทุก 10 – 14 วัน หรือ ใช้ซิลิโคนเจลทาบริเวณที่วางแผ่นซิลิโคนไม่ได้ ทำติดต่อกัน 2 – 6 เดือน
1. 2 ใช้ผ้ายืด อุปกรณ์กดแผลเป็นรัดวันละ 12 – 24 ชั่วโมง ติดต่อกัน 6 – 12 เดือน
1. 3 ฉีดสารสเตียรอยด์เข้าที่แผลทุก 4 สัปดาห์จนหาย ต้องระวังสีผิวหนังจากจากฤทธิ์ยา
1. 4 ยิงเลอเซอร์ที่แผลเป็นจนกว่าแผลจะหาย
1. 5 จี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy) ที่เป็นแผลเป็นจนกว่าจะหาย
1. 6 ผ่าตัดเอาแผลเป็นออก
2. แผลเป็นชนิดคีลอยด์ มีวิธีรักษาดังนี้
2. 1 ฉีดสารสเตียรอยด์เข้าที่แผลเป็นทุก 4 สัปดาห์ หากเป็นมาก คีลอยด์ขนาดใหญ่มักไม่หายขาด ร้อยละ 50 มักเกิดแผลเป็นเหมือนเดิม
2. 2 ฉีดสารเคมี 5-FU เดี่ยว หรือฉีดสารเคมี 5-FU ผสมกับสารสเตียรอยด์เข้าที่แผลเป็นจะได้ผลดีกว่าฉีดสารสเตียรอยด์เดี่ยว
2. 3 ผ่าตัดเอาคีลอยด์ออก โดยก่อน ขณะหรือหลังผ่าตัดต้องรักษาวีอื่นร่วมด้วย เช่น ฉีดสารสเตียรอยด์ ฉีดสารเคมี ฉายแสงบำบัด จี้ด้วยความเย็น ยิงเลเซอร์ ใช้แผ่นซิลิโคน ซิลิโคนเจล หรืออุปกรณ์กดแผลเป็น มิฉะนั้น การผ่าตัดจะไม่ได้ผล
2.
เปรียบเทียบพร้อมส่ง!! ซิลิโคนรักษาแผลเป็น รักษาแผลเป็น แผ่นแปะรอยแผลเป็น ซิลิโคนปิดแผลผ่าคลอด แผลเป็นนูน แผลคีย์ลอย แผลผ่าตัด แผลเป | ผลิตภัณฑ์ฮาร์ด
พันธุกรรม พบว่าแผลเป็นชนิดคีลอยด์เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ และครอบครัวโดยมีการถ่ายทอดผ่านยีนเด่น (Autosomal Domiant) ส่วนแผลเป็นธรรมดาไม่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
2. ผิวหนังที่ตึง การผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บในบริเวณที่ผิวหนังตึงมากจะเกิดแผลเป็นได้สูงกว่าบริเวณที่ผิวหนังหย่อนเพราะมีการสร้างสารสมานแผลมากกว่า เช่น ผ่าตัดเป็นเส้นตรงบริเวณหน้าท้องจะมีโอกาสเป็นแผลเป็นมากกว่าผ่าตัดในลักษณะขวางบริเวณหน้าท้องส่วนล่าง เป็นต้น
3. บริเวณที่เคลื่อนไหว แผลเป็นมักเกิดขึ้นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยๆ ดังนั้นการใช้วัสดุหรืออุปกรณ์ที่กดแผลหลังผ่าตัดจะช่วยลดการเกิดแผลเป็น เช่น การใช้ผ้ายืดรัด ใช้พลาสเตอร์พิเศษติดแผล ใช้ซิลิโคนติดแผล เชื่อว่าเพราะอุปกรณ์ดังกล่าวกดการสร้างเส้นเลือดใหม่ๆ จึงช่วยลดการสร้างสารสมานแผลได้
4. ผิวแห้ง เชื่อว่าผิวที่ชุ่มชื้นยืดหยุ่นจะช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้
5. เป็นกลุ่มโรคที่มีความผิดปกติในการสร้างสารสมานแผล แม้มีแผลเล็กๆ น้อยๆ เช่น กลุ่มอาการรูบินสไตน์ (Rubinstein-Taybi Syndrome) เป็นต้น
อาการของแผลเป็น
อาการที่เด่น คือ นูน แดง คัน เจ็บ แผลดึงรั้ง อวัยวะที่เป็นแผลเป็นทำงานลำบากหรือดูไม่สวยงาม
การรักษา หากต้องการรักษาควรไปพบแพทย์
วิธีรักษามีดังนี้ค่ะ
1.
สมศักดิ์ ศิริเทพทวี ศัลยแพทย์ตกแต่ง
(ภาพประกอบบทความ แผลเป็น.. รักษาได้ด้วยการผ่าตัด)
- วิธีรักษา “รอยแผลเป็น" จากการผ่าตัด
- เบาะ เสริม เก้าอี้
- Jaspal ลด ราคา 2020 online
- เกม shoujo city guide
- แอ พ ru indy
02-514-4141 ต่อ 1102 – 1105
5 เทคนิค… วิธีดูแล “แผลผ่าตัด” | โรงพยาบาลเปาโล - Paolo Hospital
ท่องเที่ยว 14 พ. ค. 2562 เวลา 15:15 น. 12. 1k ถ้าเอ่ยถึงคำว่า "แผล" เชื่อว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดกับตัวเอง เพราะนอกจากทิ้งรอยแผลไว้แล้ว ยังเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจให้กับหนุ่มสาวที่ประสบอยู่แน่นอน และถ้าหากเป็น รอยแผลที่นูนขึ้นมาทำให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วละก็ ยิ่งทำให้ผู้ที่ประสบปัญหาเกิดความไม่มั่นใจแถมยังทำให้ตัวเองรู้สึกเสียบุคลิกอีกด้วย
นพ. สมศักดิ์ ศิริเทพทวี ศัลยแพทย์ตกแต่ง ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า แผล เกิดจากการฉีกขาดทำลายหรือการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อผิวหนัง โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. แผลเฉียบพลัน เกิดจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือการผ่าตัด 2.
มีสีเข้มหรือมีตะกอนฝุ่นผงตกค้างในแผล (traumatic tattoo) เช่น แผลถลอกครูดกับพื้นถนนหรือพื้นดิน 2. แผลเป็นมีขนาดกว้างปรากฏชัดเจน 3. แผลเป็นมีรอยฝีเย็บกว้างปรากฏคล้ายตีนตะขาบ 4. แผลเป็นนูน แบ่งเป็น แผลเป็นนูนแบบไฮเปอร์และแผลเป็นนูนแบบคีลอยด์ ซึ่งโตลุกลามรุนแรงกว่า 5. แผลเป็นมีผิวไม่เรียบ เช่น ตะปุ่มตะป่ำหรือเป็นรอยบุ๋ม 6. แผลเป็นหดรั้งขัดขวางการเคลื่อนไหวข้อต่อต่างๆ หรืออวัยวะ มักพบในแผลจากอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ที่รุนแรง 7. แผลเป็นไม่คงตัวแตกเป็นแผลใหม่ซ้ำๆ พบในแผลขนาดใหญ่ที่ปล่อยให้หายเอง จะมีเพียงเซลล์ผิวหนังชั้นบางๆ มาปกคลุมและไม่ทนต่อแรงสัมผัสเสียดสีเมื่อใช้งาน การเกิดแผลใหม่ซ้ำๆ พบว่านำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนังบนแผลนั้นๆ ได้
และในส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดแผลเป็นที่มีปัญหารุนแรง ได้แก่ 1. แผลที่เกิดบนตำแหน่งผิวหนังมีความตึงสูง เช่น หัวไหล่ กลางอก 2. สาเหตุการบาดเจ็บที่มีความรุนแรงมาก 3. เชื้อชาติและพันธุกรรม เช่น กลุ่มคนผิวสีพบแผลเป็นนูนได้บ่อยกว่าคนผิวขาว 4. การดูแลแผลไม่เหมาะสม มีการติดเชื้อและกระบวนการอักเสบเป็นเวลานาน 5. ระยะเวลาการหายของแผลที่นานเกินกว่าสามสัปดาห์ ซึ่งการรักษาและป้องกันสามารถทำได้โดย รักษาแบบไม่ผ่าตัด และ ผ่าตัดรักษาแผลเป็น คือ
1.
เป็นแบบ "รอยแดง" หรือเป็นแบบ "แผลเป็นรอยนูน" ที่บางคนเรียกว่าแผลคีลอยด์ ถ้าเป็นแบบรอยแดง หมอก็จะบอกคนไข้เสมอว่า วิธีการรักษาก็ไม่ยาก แค่เราดูแลแผลไม่ให้เกิดการอักเสบ มีหนอง แล้วให้มันรักษาตัวมันเอง ภายในระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี รอยแดงนั้นก็จะหายไปเอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำอะไร ทั้งนี้ ระยะเวลาที่จะหายช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคน ขณะที่หลายคนก็สรรหาครีมนู่นนี่นั่นมาทา บางคนก็ถามว่า มีวิธีธรรมชาติในการรักษาไหม?
เผยแพร่ครั้งแรก 15 เม. ย. 2018
อัปเดตล่าสุด 17 พ. 2020
เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
เคยเป็นไหม... หกล้ม มีดบาด เป็นสิว ผ่าคลอด... รักษาแผลจนหายสนิทแล้ว แต่กลับยังเหลือรอยแผลเป็นฝากไว้ให้เราช้ำใจซะนี่! โดยเฉพาะแผลเป็นที่นูนออกมา เพราะนอกจากจะทำให้ผิวเราไม่เรียบ ไม่สวยงามแล้ว ยังอำพรางปกปิดไม่ได้ ยิ่งถ้าเป็นกับใบหน้า จะเมคอัพทับยังไงก็เอาไม่อยู่ หลายคนที่เผชิญปัญหานี้อยู่ คงกำลังมองหาวิธีรักษา โดยเฉพาะวิธีที่เห็นผลชัดเจนอย่างวิธีผ่าตัด แต่อย่าเพิ่งใจร้อน เรามาทำความรู้จักแผลเป็นนูนให้ดีกว่านี้ก่อนดีกว่า และมาดูกันว่าการผ่าตัดแผลเป็นนูนมีข้อดี ข้อเสีย ยังไง และการดูแลหลังผ่าตัด เราต้องทำอย่างไรบ้าง
ประเภทของแผลเป็นนูน
แผลเป็นนูนมีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 0 บาท ลดสูงสุด 25650 บาท
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม! กด
1. แผลเป็นนูนธรรมดา คือแผลเป็นที่นูนออกมาจากผิวปกติ แต่ไม่มีการขยายขอบเขตของแผล และสามารถยุบหายเองได้ตามธรรมชาติ แต่อาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย
2.