เครื่องอัดอากาศแบบสกรู คือ เครื่องมือผลิตลมที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ซึ่งถึงจะเป็นเครื่องอัดอากาศเหมือนกัน แต่เครื่องจักรชนิดนี้ก็มีด้วยกันหลายประเภท แถมยังมีประสิทธิภาพการทำงานที่แตกต่างกันออกไป และเหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นโรงงานจะผลิตอะไร หรือมีขนาดเล็กใหญ่มากแค่ไหน หากจำเป็นต้องใช้ลมเป็นส่วนหนึ่งของการผลิต ยังไงก็ต้องมีเครื่องอัดอากาศแบบสกรูติดตั้งอยู่ภายในโรงงาน ซึ่งนอกเหนือจากประสิทธิภาพการทำงานแล้ว เคยสงสัยไหม? ว่าโรงงานอุตสาหกรรมมีเหตุผลใดที่ต้องเลือกใช้เครื่องอัดประเภทนี้มากกว่าเครื่องอัดอากาศแบบลูกสูบ หรือแบบอื่น ๆ หากใครสงสัยแบบเดียวกันอยู่ ที่นี่มีคำตอบ!
ความสำคัญของเครื่องอัดอากาศแบบสกรู - Chiang Mai News
- GuGu จัดโปรพิเศษ อาร์มมี่ เค รามยอน - Samyan Mitrtown
- 17 again เต็ม
- เฉลย หนังสือ business plus d'informations
- The face shop สยาม images
- Nivea aqua sensation ราคา slp
- ความสำคัญของเครื่องอัดอากาศแบบสกรู - Chiang Mai News
- โคม ไฟ lighting house of cards
- ส เก็ ต บอร์ด มือ สอง ขาย ดี
- ตกขาว ป น เลือด คัน
เครื่อง CPAP มีกี่ชนิดและทำงานอย่างไร
เครื่อง CPAP คือเครื่องอัดอากาศขณะหายใจเข้า เพื่อรักษาโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับชนิดอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน เครื่อง CPAP ที่จำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่มีอยู่ 2 ชนิด คือ
1. แบบปรับแรงดันอัตโนมัติ (Auto CPAP) หมายถึงเครื่อง CPAP ที่สามารถจ่ายแรงดันอากาศเพิ่มขึ้นและลดลง ตามลักษณะการหายใจของผู้ป่วย เครื่อง Auto CPAP จะปรับแรงดันเพิ่มขึ้นเมื่อตรวจพบการหยุดหายใจหรือหายใจแผ่วเพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้อากาศเข้าสู่ร่างกายได้ตามปกติ และปรับแรงดันลดลงเมื่อผู้ป่วยหายใจได้เป็นปกติ
2. แบบตั้งค่าแรงดันคงที่ (Manual CPAP) หมายถึงเครื่อง CPAP ที่จ่ายแรงดันคงที่ตลอดทั้งคืน เพื่อเปิดช่องทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้อากาศเข้าสู่ร่างกายได้ตามปกติ
ทั้งนี้แพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและเจ้าของไข้จะเป็นผู้แนะนำการเลือกใช้งานเครื่อง CPAP ให้กับคนไข้
ทำแบบทดสอบ
หรือ
อากาศอัดคืออะไร - Air Compressors - Air treatment - ALUP Global
น้ำมันเครื่องอัดอากาศ (OIL COMPRESSOR)
5 -2. 0 Kg/cm
- ปั๊มน้ำจืดหล่อเย็น (Jacket cooling water
pump)
จะถูกขับด้วยสายพานที่ติดอยู่ที่ล้อช่วยแรงนอกตัวเครื่อง
ปั๊มนี้จะดูดน้ำจาก Auxiliary cooler ซึ่งน้ำจะมีอุณหภูมิประมาณ50
องศาเข้ามาหล่อเย็นภายในเสื้อสูบ ฝาสูบและ Cooler ทั้ง 2 สเตจ
- Relive valve ถูกติดตั้งไว้บริเวณทางออกของทั้ง
2 สเตจ มีหน้าที่ระบายแรงดันอากาศที่ถูกอัดตัวแล้วมีแรงดันมากเกินไป
โดยทั่วไปจะถูกออกแบบให้ทำงานที่ความดันเกิน 10%
ของความดันที่ เครื่องทำได้
-
Drier ทำหน้าที่ในการดักความชื้นที่มีอยู่ในอากาศที่ถูกอัด
ซึ่งการอัดตัวของอากาศจะทำให้เกิด
ความร้อนของอากาศเมื่อผ่าน Cooler จะทำให้อากาศควบแน่นได้
3. การเตรียมการก่อนการเดินเครื่องอัดอากาศ
ก่อนทำการเดินเครื่องอัดอากาศทุกครั้งต้องทำการตรวจสอบสภาพความพร้อมของเครื่องอัดอากาศดังนี้
1. ตรวจดูสภาพและระดับของน้ำมันหล่อลื่นภายในห้อง Crank
ต้องให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
2. ทดลองหมุนเครื่องด้วยมือเปล่าว่ามีการติดขัดในส่วนใดของเครื่องหรือไม่
3. ตรวจหาการรั่วไหลของระบบน้ำมันหล่อลื่นและระบบน้ำหล่อเย็น
4. ตรวจหาสิ่งกีดขวางการหมุนของเครื่อง
5. ทำการสตาร์ท ซึ่งโดยปกติแล้ว เรือ แวนด้า นารี
จะใช้การสตาร์ทของเครื่องปกติแบบอัตโนมัติ
แต่ในขณะเรือเข้าร่องน้ำจะใช้การสตาร์ทด้วยระบบMANUAL
คือเมื่อทำการเดินเครื่องจะต้องคอยเช็คดูกำลังดันตลอด
6.
หมั่นตรวจสอบดูสภาพของอัตราการกินกกระแสไฟฟ้าว่าคงที่หรือไม่
หากมีการเปลี่ยนแปลงแสดงว่าเกิดความผิดปกติเกิดขึ้น
5. หมั่นตรวจเช็คสภาพของปั๊มน้ำหล่อเย็นรวมทั้งสายพานของปั๊มรวมทั้งสภาพภายนอกเครื่องด้วย
5. การเลิกเครื่อง
1. หลังจากเครื่องหยุดเดินไม่ว่าจะ Auto หรือ manual นั้นเดรนวาล์ว
จะต้องเปิดโดยสามารถสังเกตได้ง่ายจากการฟังเสียง
หากไม่เปิดให้ตรวจหาสาเหตุและดำเนินการแก้ไข
6. การซ่อมบำรุงรักษาเครื่องอัดอากาศ
ตรวจสอบสภาพของลิ้นทั้งทางดูดและทางส่งทุกๆ 500 ชั่วโมง
ตรวจสอบสภาพของห้อง Crank และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 1000
ชั่วโมง
ตรวจสอบสภาพของลูกสูบ, ร่องแหวน, แหวนสูบ ทุกๆ 4000 – 5000
ตรวจสภาพของปั๊มน้ำจืดและปั๊มน้ำมันหล่อ ทุกๆ 3000 ชั่วโมง
ทำความสะอาดกรองน้ำมันหล่อทุกๆ 200 ชั่วโมง
ตรวจสอบสภาพของ Main bearing, Crank shaft, Connecting rod ทุกๆ
2000 ชั่วโมง
ตรวจสอบสภาพของสังกะสีกันกร่อน (Zinc anode) ทุกๆ ครึ่งปี
คนโรงไฟฟ้า: . เครื่องอัดอากาศ
ในขณะทำการสตาร์ทในครั้งแรกอัตราการกินกระแสไฟฟ้าจะมาก
ก่อนทำการสตาร์ทเครื่องอัดอากาศทุกครั้งจะต้องหมั่นใจว่ามีกระแสไฟฟ้ามากพอ
หากไม่พอให้ทำการสตาร์ทเครื่องไฟฟ้าอีกเครื่องก่อน
เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดทำให้ไฟฟ้าดับได้(โดยปกติเครื่องไฟฟ้า
1 เครื่องสามารถรับภาระนี้ได้)
4. การระวังรักษาเครื่องอัดลมขณะเดิน
1. เมื่อเครื่องอัดลมเดินด้วยรอบที่คงที่แล้วให้ทำการตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้งหนึ่ง
2. วาล์วระบายจะถูกปิดเพื่อและจะต้องเปิดก่อนการหยุดเครื่องประมาณ
2 – 3 นาทีเพื่อให้เครื่องอยู่ในสภาพ Unload
รวมทั้งเป็นการระบายสิ่งปะปนอื่น ๆ ที่มีอยู่ในระบบให้ออกไปกับการ
Drain
3. หมั่นตรวจดูแรงดัน (Pressure) ทั้ง 2 สเตจ คือ ด้านแรงดันต่ำ
(Low pressure side) และด้านแรงดันสูง (High pressure side)
รวมทั้งแรงดันของน้ำมันหล่อ ต้องอยู่ภายในเกณฑ์ที่กำหนด
หากแรงดันของอากาศที่อัดมีแรงดันต่ำกว่าปกติแสดงว่าเกิดการรั่วของลิ้นนั่นเอง
ต้องทำการถอดเปลี่ยนลิ้น หากแรงดันด้านทางดูด (Suction side) ต่ำ
แสดงว่าลิ้นทางดูด (Suction valve) รั่ว
หรือในทางกลับกันถ้าหากแรงดันอากาศด้าน High pressure
ต่ำแสดงว่าเกิดการรั่วของลิ้นทางส่งด้านความดันสูง (Delivery
valve)
4.
มือถือ: 086 5117511
หน้าที่หลักของเครื่องอัดอากาศ คือ อัดอากาศให้มีความดันสูง เพื่อนำไปใช้ผสมกับเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ โดยการดูดอากาศผ่านแผ่นกรอง ทางช่องรับอากาศเข้า เพื่อแยกฝุ่นละอองออก เป็นการป้องกันชิ้นส่วนภายในของเครื่องกังหัน ไม่ให้เกิดการกัดกร่อน หรือสึกกร่อนได้ ปริมาณของอากาศที่ผ่านเข้าไปในเครื่องอัดอากาศ ของเครื่องกังหันก๊าซที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 20 เมกกะวัตต์ จะใช้ประมาณ 500, 000 ลูกบาศก์ฟุต / นาที เครื่องอัดอากาศที่นิยมใช้มี 2 ชนิด คือ 1. แบบแรงเหวี่ยง ( centrifugal compressor) ทำงานลักษณะเดียวกับปั๊มแรงเหวี่ยง มีใบพัดเรียงจากเล็กไปใหญ่ เหมาะที่จะใช้กับเครื่องกังหันก๊าซขนาดเล็กเท่านั้น 2. แบบอัดในแนวแกน(axial compressor) มีลักษณะคล้ายตัวกังหัน ประกอบด้วยใบพัดที่ติดอยู่บนเพลาเป็นแถวๆ ระหว่างแถวของใบพัดจะมีใบพัดติดอยู่ที่ตัวเรือนสลับกันเป็นแถว ๆ เช่นเดียวกัน เมื่ออากาศถูกดูดพร้อมกับอัดผ่านแต่ละแถวของใบพัดที่อยู่กับที่ และใช้ใบพัดหมุนที่ประกอบติดอยู่บนเพลาแล้ว ปริมาณของมันจะลดลง ดังนั้นขนดและความยาวของใบพัดก็จะลดลงตามทิศทางการไหลของอากาศเป็นสัดส่วนเรื่อยไป
ใน Stage
ที่ 2 จะถูกเปิดทำให้อากาศที่อัดได้ผ่านต่อไปยัง Inter
coolerเพื่อดับความร้อนและเพิ่มความหนาแน่น ก่อนที่จะผ่าน Dryer
เพื่อแยกน้ำและน้ำมันที่มีอยู่ในอากาศก่อนที่จะเก็บเข้าถังลมต่อไป
2. ส่วนประกอบที่สำคัญของเครื่องอัดอากาศ
หากแบ่งตามลักษณะการเคลื่อนที่แล้วสามารถแบ่งได้เป็น
2 ส่วนด้วยกันคือ
1. ส่วนที่อยู่กับที่(Stationary part) ได้แก่ ฝาสูบ,
Crank case ซึ่งจะถูกรองรับด้วยเพลาข้อเหวี่ยง (Crank shaft)
และเสื้อสูบ (Cylinder block) จะอยู่ด้านบน ภายใน Cylinder bock
จะมีกระบอกสูบติดอยู่
2. ชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่ (Moving part) ได้แก่ ลูกสูบ
(Piston) ก้านสูบ (Connecting rod) เพลาข้อเหวี่ยง (Crank
shaft)วาล์ว(VALVE)
1.