ศ. 2030 จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย โดยนายกรัฐมนตรีและครม. ยังเห็นถึงความจำเป็นในการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย เพื่อไม่ให้ไทยสูญเสียโอกาส และความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะตอกย้ำความเป็น Detroit of Asia ของไทย และยังการเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อสร้างรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" นายธนกรกล่าว นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สาระสำคัญของมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศมีทั้งหมด 6 ข้อ โดยแต่ละข้อแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ มาตรการทางภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ทางภาษี โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. รถยนต์นั่งฯ (ไม่เกิน 10 ที่นั่ง) ประเภท BEV ราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท มาตรการทางภาษีจะให้นำเข้า CBU ที่ได้รับสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรี โดยหากมีอากรไม่เกิน 40% ให้ยกเว้น หากมีอากรเกิน 40% ให้ลดอัตราอากรลงอีก 40% และปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่ง ประเภท BEV จากเดิม 8% เหลือ 2% ในปี 2565 – 2568 ให้เงินอุดหนุน 70, 000 บาทต่อคัน สำหรับแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ส่วนที่แบตเตอรี่ที่มีขนาด 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงขึ้นไป ได้เงินอุดหนุน 150, 000 บาทต่อคัน 2.
[ 10 วิธีขับรถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัย ] รอดจากอุบัติเหตุในทุกสถานการณ์ !
ประแจกลหมู่ (Class A. Fully Interlocking) [ แก้]
ก. 1ก: ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยรีเลย์ และสัญญาณไฟสี (A1a: All Relay Interlocking with Color Light Signals)
ก. 1ข: ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยคอมพิวเตอร์ และสัญญาณไฟสี (A1b: Computer Base Interlocking with Color Light Signals)
ก. 2: ประแจกลไฟฟ้าชนิดบังคับสัมพันธ์ด้วยเครื่องกล และสัญญาณไฟสี (A2: Electromechanical Interlocking with Color Light Signals)
1) ประแจกลหมู่ชนิดควบคุมโดยเครื่องกลและไฟฟ้าสัมพันธ์กับสัญญาณไฟสี (Electromechanical Interlocking with Color Light Signals)
2) ประแจกลหมู่ชนิดควบคุมโดยสายลวดสัมพันธ์กับสัญญาณไฟสี (Electromechanical Interlocking but Operated from Lever Frame with Color Light Signals)
ก. 3: ประแจสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลาชนิดมีสัญญาณเตือน สัญญาณเข้าเขตใน และสัญญาณออกนอก (A3: Mechanical Interlocking with Semaphore Signals Equiped with Warner Home and Starter Signals)
ก. 4: ประแจสายลวดพร้อมสัญญาณหางปลา สัญญาณเข้าเขตใน และสัญญาณออกนอก ไม่มีสัญญาณเตือน (A4: Mechanical Interlocking with Semaphore Signals Equiped but without Warner Either Equiped with Home and Starter)
ประเภท ข.
)/ ชั่วโมง ( ชม. ) ระยะเบรกช่วงความคิดของผู้ขับขี่ หากตั้งสมมติฐานอยู่ที่ 2. 5 วินาที ก็จะกินระยะยางราว 20. 9 เมตร และระยะเบรกหลังจากนั้น เมื่อคำรวณจากอัตราหน่วงความเร็ว 3. 4 เมตรต่อวินาที2 จะใช้ระยะทางราว 10. 3 เมตร รวมเป็นระยะทางทั้งหมด 31. 2 เมตร หรือหากเป็นระยะหยุดรถปลอดภัยจะต้องเริ่มเบรกประมาณ 35 เมตรก่อนหน้า
ที่มา: สำนักอำนวยความปลอดภัย กรมทางหลวง
สนใจทำประกันรถยนต์ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้รถ คลิก
Volition ช่วงเวลาของการตัดสินใจ เป็นต้น
รองลงมาคือ ยานพาหนะ 27. 54% ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเคลื่อนไหว หรือขนาดของตัวรถ ทั้งความยาว ความสูง และน้ำหนัก อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์การมองเห็น ซึ่งระดับความสูงของสายตาผู้ขับขี่รถส่วนบุคคลจะสูงจากพื้นประมาณ 1. 15 เมตร รถจักรยานยนต์ 1. 3-1. 6 เมตร ส่วนรถบรรทุกจะอยู่ที่ 1. 8 เมตร นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับ ลักษณะการเข้าโค้งที่จะสัมพันธ์กับฐานล้อรถและตำแหน่งของจุดศูนย์กลางความโน้มถ่วงของรถด้วย ตามด้วย 21.
- รูป หล่อ สมเด็จ พุฒ
- อาหารคนท้อง : 10 น้ำโฟเลตสูงยิ่งดื่มยิ่งบำรุงลูก! | เมนูคนท้อง | คนท้อง Everything - YouTube
- กรมการขนส่งทางบก แนะนำ!!! ผู้ขับขี่รถเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ขณะฝนตก เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า ใช้ความเร็วให้เหมาะสม และหมั่นตรวจสอบความพร้อมของรถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนในช่วงฤดูฝน
ระบบอาณัติสัญญาณรถไฟ - วิกิพีเดีย
วันนี้สำนักอำนวยความปลอดภัยจะมาพูดถึง ว่าเราควรต้องเว้นระยะให้ห่างจากรถคันหน้าเท่าใด
ถึงจะเบรกได้ปลอดภัย โดยไม่ชนรถคันหน้านะครับ
Facebook Twitter Line
ชาวสมหวังทราบกันไหมครับว่า เวลาที่คุณขับรถอยู่บนท้องถนน และมีเหตุให้คุณต้องเบรกอย่างกระทันหัน ต้องมีระยะเบรกเท่าไรเพื่อให้คุณหยุดรถได้อย่างปลอดภัย เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราเบรกไม่ทัน เนื่องจากการเบรกในแต่ละครั้ง จะต้องมีระยะเวลาในการตัดสินใจบวกเพิ่มขึ้นมาด้วย ฉะนั้นเราลองมาดูระยะเบรกที่เหมาะสมไว้เป็นความรู้เพิ่มเติมในการใช้รถใช้ถนนกันดีกว่าครับ
สำหรับระยะเบรกของการขับรถด้วยความเร็วในระดับต่างๆ สามารถประมาณได้ดังนี้เลยครับ
ถ้าขับรถด้วยความเร็ว 60 กม. / ชม. จะต้องใช้ระยะเบรกอย่างน้อยที่สุดคือ 34 เมตร
ถ้าขับรถด้วยความเร็ว 80 กม. จะต้องใช้ระยะเบรกอย่างน้อยที่สุดคือ 54 เมตร
ถ้าขับด้วยความเร็ว 100 กม. จะต้องใช้ระยะเบรกอย่างน้อยที่สุดคือ 80 เมตร
จะเห็นได้ว่าหากเราขับรถชิดติดกับคันหน้ามากๆ เมื่อเกิดเหตุเบรกกะทันหัน จะไม่มีระยะเบรกที่เพียงพอต่อความปลอดภัย ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้ และยิ่งขับเร็วขึ้นมากเท่าไร ก็จำเป็นต้องใช้ระยะเบรกที่เยอะขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมเว้นระยะในการขับขี่ให้เพียงพอ อย่าขับจี้รถคันหน้ามากเกินไป เพื่อความปลอดภัยของทุกๆ คนนะคร้าบ
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก DltSafetydrive
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม. ) มีมติ รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (คณะกรรมการ EV) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ครม.
ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ
หลายครั้งที่การใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุทั้งแก่ตัวเราเองและผู้อื่น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องระวังอยู่เสมอก็คือเรื่องของการใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ ที่ไม่ว่าจะเป็นการหยิบขึ้นมาเช็คโซเชียลเน็ตเวิร์คหรือพูดคุยโทรศัพท์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะในช่วงเวลาที่เราใช้โทรศัพท์จะทำให้ความสนใจในการขับขี่ลดลง และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ นั่นเอง
4. ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
หนึ่งในสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่เกิดอุบัติเหตุก็คือการทำผิดกฎจราจร ที่นำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบทั้งต่อสภาพจิตใจ ร่างกายและทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นในการขับขี่ควรที่จะศึกษากฏจราจรให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะช่วยป้องกันตนเองและผู้โดยสาร รวมถึงรถคันอื่น ๆ ให้ปลอดภัยและเดินทางได้อย่างราบรื่นมากที่สุด
5. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บและอุบัติเกิดขึ้นมากมายจากการเมาแล้วขับ ที่ทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับขี่รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นทางระยะใกล้หรือไกลก็ตาม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเดินทางมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ ควรมีผู้อื่นมาขับแทนหรือหยุดพักผ่อนก่อน เพื่อให้พร้อมมากที่สุดในการขับขี่
6.